ทำไมบริษัทใหญ่หันมาลงทุนด้านโลจิสติกส์เอง

ทำไมบริษัทใหญ่หันมาลงทุนด้านโลจิสติกส์เอง

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจไม่ได้วัดกันแค่ “สินค้า” หรือ “การตลาด” อีกต่อไป โลจิสติกส์กลายเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างชัดเจน เราจึงเห็นบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ หันมาลงทุนด้านโลจิสติกส์ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคลังสินค้า สร้างเครือข่ายขนส่ง หรือพัฒนาเทคโนโลยีจัดการซัพพลายเชนแบบครบวงจร

คำถามคือ... ทำไมพวกเขาจึงเลือก "สร้างเอง" แทนที่จะ "จ้างผู้ให้บริการ"?


1. เพราะ “โลจิสติกส์” คือความเร็ว ความแม่นยำ และประสบการณ์ลูกค้า

บริษัทใหญ่ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก เช่น Shopee, Lazada, JD Central หรือแม้แต่แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค จำเป็นต้องควบคุมคุณภาพของการจัดส่งให้ได้มากที่สุด

ส่งเร็ว = ลูกค้าพอใจ = ยอดขายซ้ำสูงขึ้น
ส่งแม่น = ลดต้นทุนผิดพลาด / พัสดุตีกลับ
มีข้อมูลเชิงลึก = วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้น
การควบคุมโลจิสติกส์ด้วยตัวเองจึงทำให้บริษัทสามารถสร้าง "ประสบการณ์ที่เหนือกว่า" ได้โดยไม่ต้องพึ่งคนกลาง


2. ลดต้นทุนระยะยาวจากการรวมศูนย์ระบบ

แม้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น คลังสินค้า รถขนส่ง หรือซอฟต์แวร์จัดการอาจใช้เงินจำนวนมากในช่วงแรก แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนที่ต้องจ่ายให้ผู้ให้บริการภายนอกในระยะยาวแล้ว การทำเองอาจคุ้มค่ากว่า

จัดการต้นทุนคงที่ได้เอง
บริหารปริมาณงานตามฤดูกาลได้ยืดหยุ่น
เพิ่มประสิทธิภาพต่อคำสั่งซื้อ (Cost per order) ให้ต่ำลง

3. รองรับการขยายตัวของธุรกิจแบบควบคุมได้

ธุรกิจขนาดใหญ่มีแนวโน้มขยายสาขา ขยายตลาด หรือกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ห่างไกลมากขึ้น หากพึ่งพาบริการจากภายนอก อาจเจอข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ความพร้อม หรือ SLA (Service Level Agreement)

การมีเครือข่ายโลจิสติกส์ของตัวเองช่วยให้บริษัทสามารถ:

กระจายสินค้าได้ทันความต้องการ
ขยายบริการแบบ next-day หรือ same-day ได้ง่าย
ปรับการวางแผนซัพพลายเชนได้แบบ real-time

4. ข้อมูล = อำนาจในการตัดสินใจ

เมื่อบริษัทจัดการโลจิสติกส์เอง ข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจะอยู่ในมือขององค์กรทั้งหมด เช่น

เวลาเฉลี่ยในการจัดส่ง
ปริมาณพัสดุในแต่ละพื้นที่
ปัญหาการจัดส่งย้อนหลัง
พฤติกรรมการสั่งซื้อและคืนสินค้า
ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้พัฒนาแผนธุรกิจ การตลาด และการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม


5. เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

เมื่อทุกธุรกิจเริ่มแข่งขันกันในเรื่อง "บริการที่รวดเร็วและแม่นยำ" โลจิสติกส์จึงไม่ใช่แค่ภารกิจสนับสนุนอีกต่อไป แต่กลายเป็น “เครื่องมือทางกลยุทธ์” ที่ทำให้บริษัทชนะคู่แข่งได้ในระดับตลาด

• บางแบรนด์ใช้บริการจัดส่งฟรี 1 วัน เพื่อดึงลูกค้า
  
• บางรายสร้างระบบคืนของสะดวก เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
  
• บางเจ้าตั้งศูนย์กระจายสินค้าใกล้ลูกค้าเพื่อลดเวลาจัดส่งลงครึ่งหนึ่ง
  การลงทุนด้านโลจิสติกส์จึงไม่ใช่แค่ "ต้นทุน" แต่คือ "เครื่องมือทำกำไร"
  
  
  ตัวอย่างจริงในตลาด
  Amazon: มีเครือข่ายคลังสินค้าและรถขนส่งของตัวเองทั่วสหรัฐฯ จนสามารถให้บริการ Prime ส่งภายใน 1 วัน
  SCG Logistics / Kerry Express / Flash Express: ขยายการให้บริการครบวงจร และเริ่มลงทุนระบบเทคโนโลยีหลังบ้านของตนเอง
  Lotus’s / Big C: สร้างคลังสินค้าอัตโนมัติและพัฒนาระบบเดลิเวอรีของตัวเองเพื่อรองรับ Online Grocery ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
  
  สรุป

การที่บริษัทใหญ่หันมาลงทุนด้านโลจิสติกส์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะต้องการ "ตัดคนกลาง" เพียงอย่างเดียว แต่เพราะพวกเขาเข้าใจว่า...

โลจิสติกส์ = ความเร็ว + ความแม่นยำ + ประสบการณ์ลูกค้า

และสิ่งเหล่านี้คือ “จุดต่าง” ที่จะทำให้แบรนด์อยู่เหนือคู่แข่งในยุคที่ทุกวินาทีมีผลต่อยอดขาย

ติดต่อเรา เพื่อสั่งซื้อ สอบถาม หรือขอใบเสนอราคา
เบอร์โทร : 080-2956052 (คุณบอย) 080-2951830 (คุณปูเป้)
Line@: ddcexpress